วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2551





1.คอมพิวเตอร์มีกี่ประเภทอะไรบ้างพี้อมรูปภาพประกอบ
ประเภทของคอมพิวเตอร์คอมพิวเตอร์สามารถจำแนกได้หลายประเภทขึ้นอยู่กับความแตกต่างของขนาดเครื่องความเร็วในการประมวลผลและราคาเป็นข้อพิจารณาหลักโดยทั่วไปนิยมจำแนกประเภท คอมพิวเตอร์ เป็น 6ประเภทดังนี้คือ
ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (supercomputer)

คอมพิวเตอร์เมนเฟรม (mainframe computer)

มินิคอมพิวเตอร์ (minicomputer)

เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ (server computer )

ไมโครคอมพิวเตอร์ (microcomputer)

คอมพิวเตอร์แบบฝัง (embedded computer)

อ้างอิงโดย
http://www.tp.th.gs/web-t/p/index3.htm
2.คอมพิวเตอร์แบบฝังคืออะไรใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง พร้อมรูปภาพประกอบ คอมพิวเตอร์แบบฝัง (embedded computer ) เป็นคอมพิวเตอร์ที่ฝังในอุปกรณ์ต่าง ๆ นิยมนำมาใช้ทำงาน เฉพาะด้าน พิจารณาจากภายนอกจะไม่เห็นว่าเป็นคอมพิวเตอร์แต่จะ ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานบางอย่างของอุปกรณ์นั้นๆ คอมพิวเตอร์ประเภทนี้ เช่น เครื่องเล่นเกม ระบบเติมน้ำมันอัตโนมัติ โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น


อ้างอิงโดย http://www.tp.th.gs/web-t/p/index3.htm
3.ข้อมูลและสารสนเทศแตกต่างกันอย่างไร
ข้อมูลและสารสนเทศแตกต่างกัน ข้อมูลหมายถึงข้อเท็จจริง ที่ได้จากการเก็บข้อมูลจากเหตุการณ์ต่างๆ แต่สารสนเทศหมายถึง ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลเพื่อไปใช้ในการตัดสินใจต่อไป
ที่มา
http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Pid=53170&page=1


4. VLSI คืออะไรสำคัญต่อคอมพิวเตอร์อย่างไร

ย่อมาจาก very large scale integration (แปลว่า วงจรรวมความจุสูงมาก) หมายถึงการสร้างชิป (chip) โดยสามารถนำประตู (gate) มารวมกันได้ถึง 100,000 ประตูหรือมากกว่านั้น แล้วนำมาใช้เป็นตัวประมวลผล ทำให้คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลงได้มาก ในปัจจุบัน มีการสร้างชิปที่มีประตูมากยิ่งไป กว่านั้น เรียกว่า ULSI ( ultra large scale integraton หรือวงจรรวมความจุสูงยิ่ง)
ที่มา
http://guru.sanook.com/dictionary/dict_comp/VLSI/


5. นิสิตใช้คอมพิวเตอร์ในชีวิตประจำวันอย่างไรบ้าง

1.ใช้หางาน

2.ใช้เล่นเกมส์

3.ใช้พูดคุยกับเพื่อน

ข่าวไอที 2

อัสซุสบุกภูธร ส่งพีดีเอใหม่ หวังแบ่ง 30%


นายพรเทพ วัชรอำนวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัสซุสเทค (คอมพิวเตอร์) ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายปีนี้มีส่วนแบ่งการตลาดพีดีเอโฟน 30% ของตลาดจาก 20% โดยคาดจะมียอดขายทุกรุ่นรวมกัน 3 หมื่นเครื่อง
บริษัทเดินกลยุทธ์ขยายตลาดไปต่างจังหวัด เพื่อเจาะตลาดลูกค้าวัยรุ่น วัยเริ่มต้นทำงาน และผู้สนใจเทคโนโลยี ซึ่งล่าสุดเปิดตัวพี 320 มินิ จีพีเอส พีดีเอ โฟน ราคา 14,900 บาท เป็น “ไฮไลต์” ขยายสู่ลูกค้าเป้าหมาย จากขนาดกะทัดรัด น้ำหนัก 105 กรัม หน้าจอ 2.6 นิ้ว ระบบทัชสกรีน กล้อง 2 ล้านพิกเซล พร้อมระบบปฏิบัติการวินโดว์ส โมบาย 6.1 โปรเฟสชั่นนัล ตั้งเป้าขายได้ไม่ต่ำกว่า 3 เครื่องต่อเดือน โดยบริษัทจะใช้งบการตลาดร่วม 10 ล้านบาท มีกิจกรรมทั้งจัดโรดโชว์ต่างจังหวัด และการผลิตภาพยนตร์โฆษณาส่วนไตรมาสแรก อัสซุสมีอัตราการเติบโต กว่า 62% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเดิมคาดโต 50% เพราะมีผลิตภัณฑ์หลากรุ่น และราคาเครื่องพีดีเอลดต่ำลงจนเข้าถึงคนได้ทุกกลุ่ม ทั้งวัยรุ่น วัยเริ่มทำงาน จาก 2-3 ปีก่อนราคาไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นบาท รูปแบบดีไซน์ คุณสมบัติจำกัดอยู่ในกลุ่มลูกค้านักธุรกิจ แต่ปัจจุบันเน้นดีไซน์เข้าถึงทุกกลุ่มลูกค้า แต่ยังคงคุณสมบัติการใช้งานที่โดดเด่น เช่น การมีจีพีเอส แผนที่ทั่วไทยปัจจุบัน รายได้หลักของอัสซุสอยู่ในกรุงเทพฯ มีต่างจังหวัด 20% แต่อนาคตการเติบโตมาจากเมืองหลักๆ ที่ยังขยายได้อีกมาก โดยรุ่นใหม่นี้จะเป็นหลักทำตลาด


นำมาจากเวป http://www.arip.co.th/2006/news.php?id=407489

วันที่ 23 มิถุนายน 2008

ข่าวไอที


ากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2334 26 มิ.ย. - 28 มิ.ย. 2551


วันที่ 'ไมโครซอฟท์' ไร้บิลล์ เกตส์
การออกมาเสียกลางคันจากการศึกษาในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเพื่อก่อตั้งธุรกิจคอมพิวเตอร์ของตนเอง นับเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ธุรกิจไมโครซอฟท์ของนายบิลล์ เกตส์ แจ้งเกิดและครองตลาดอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์รายใหญ่ของโลกด้วยรายได้หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี หากแต่เส้นทางธุรกิจของไมโครซอฟท์และนายเกตส์กำลังมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญอีกระลอก หลังนายเกตส์จะวางมือจากไมโครซอฟท์เพื่อหันไปทุ่มเวลาให้กับมูลนิธิของตนเองอย่างจริงจังตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป ซึ่งเท่ากับว่านายเกตส์จะมีเวลาทำงานอยู่ในไมโครซอฟท์ต่อไปเพียงแค่สัปดาห์นี้จนถึงวันที่ 27 มิถุนายนนี้เท่านั้น
ส่วนภารกิจทั้งหมดที่มีอยู่หลังจากนายเกตส์ปลดเกษียณตัวเองจากธุรกิจที่ร่วมก่อตั้งกันมากับนายพอล อัลเลน ตั้งแต่ปี 2518 หรือเมื่อ 33 ปีก่อน ต้องปล่อยให้สามทหารเสือช่วยสานต่อกันไป โดยขณะที่นายเกตส์จะหันไปพัฒนางานในมูลนิธิการกุศลบิลล์ แอนด์ เมลินดา เกตส์ ฟาวเดชั่น นายเรย์ ออซซี เป็นผู้ดูแลการบริหารในฐานะประธานฝ่ายสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์ ขณะที่งานด้านยุทธศาสตร์และการวิจัยเป็นของนายเครก มันดี ส่วนนายสตีฟ บอลเมอร์ ซึ่งเป็นอดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนสมัยอยู่ฮาร์วาร์ดด้วยกันนั้น ก็ดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไมโครซอฟท์
ส่วนตัวนายเกตส์เองแม้จะไม่มีหน้าที่รับผิดชอบในเชิงบริหาร แต่อีกด้านหนึ่งก็ยังคงตำแหน่งในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารไมโครซอฟท์ และยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดของบริษัท ซึ่งตามมุมมองของนายแม็ทท์ รอสออฟ นักวิเคราะห์อิสระจากไดเร็กชั่น ออน ไมโครซอฟท์ แสดงทรรศนะว่า "การออกไปของนายเกตส์โดยที่ยังมีตำแหน่งอยู่ในไมโครซอฟท์ ก็เท่ากับไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่มีนัยสำคัญสำหรับไมโครซอฟท์นัก เพราะหากว่านายเกตส์มีข้อแนะนำที่สำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของไมโครซอฟท์ นายบอลเมอร์ก็ย่อมต้องรับฟังอยู่ดี"
หากแต่ที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ชื่อของไมโครซอฟท์เกิดและผูกพันกับผู้บริหารอย่างนายเกตส์อย่างเหนียวแน่น กระทั่งมือขวาของนายเกตส์อย่างนายบอลเมอร์ยังอดที่จะเปรยไม่ได้ว่า เพราะ "บิลล์ เกตส์ที่เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท เป็นผู้สั่งสมความมั่งคั่งและวางรากฐานให้กับไมโครซอฟท์ สิ่งนี้เองที่เป็นความสำเร็จของนายเกตส์ที่ไม่อาจมีใครมาทดแทนได้ อีกทั้งนายเกตส์ยังเติบโตมาพร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยีแทบจะทุกชิ้นขององค์กร จึงจดจำได้มากกว่าใคร และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครที่รู้มากเช่นนี้อีกแล้ว"
ด้วยเหตุนี้ การออกไปของนายเกตส์ ตามมุมมองของนักวิเคราะห์อีกกลุ่มเห็นว่าเป็นสัญลักษณ์สะท้อนความสำคัญบางอย่าง มากกว่าเพียงแค่ผู้บริหารคนหนึ่งที่เกษียณตัวเองออกไป
"ความท้าทายสำหรับไมโครซอฟท์คือ เมื่อผู้ก่อตั้งลาออกไป สิ่งที่ต้องจดจำและพยายามรักษาไว้ให้คงอยู่คือหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะสิ่งที่นายเกตส์เคยทำจนประสบความสำเร็จ ผู้ที่เข้ามาสานต่อก็ต้องพยายามรักษาเอาไว้ให้ความสำเร็จนั้นคงอยู่และดำเนินต่อไปให้ได้" นายร็อบ เอ็นเดอร์ล จากบริษัทเอ็นเดอร์ล กรุ๊ปฯ ในซิลิคอน วัลเลย์กล่าว
หากแต่ดูเหมือนว่าความพยายามดังกล่าวจะไม่ได้มีเส้นทางที่ราบรื่นนัก เพราะตั้งแต่ที่นายเกตส์วางมือจากการบริหารไปเมื่อหลายปีก่อนก็เริ่มมีสัญญาณว่าไมโครซอฟท์กำลังตกที่นั่งลำบากอย่างน้อยก็ตามความเห็นของนักวิเคราะห์ที่มองว่า ไมโครซอฟท์พลาดโอกาสงามๆ ไปหลายต่อหลายครั้ง ผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์ทั้งระบบปฏิบัติการวินโดว์ส หรือซอฟต์แวร์งานออฟฟิศไม่ได้รับแรงตอบรับที่ดีเหมือนเช่นก่อนอีกต่อไป
ตัวอย่างระบบปฏิบัติการวินโดว์ส วิสต้าที่ไมโครซอฟท์วางตลาดในเดือนมกราคมปี 2550 แต่กลับกลายเป็นว่าลูกค้าส่วนมากยังคงยึดติดที่จะใช้งานวินโดว์ส เอ็กซ์พีในเวอร์ชันก่อน
"ไมโครซอฟท์กำลังมีปัญหากับการทำตลาดซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ ทั้งที่ไมโครซอฟท์เป็นผู้เริ่มทำตลาดซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ก่อนใคร แต่แล้วตลาดดังกล่าวกลับกลายเป็นจุดอ่อนที่สุดของบริษัทในเวลานี้" นายเอ็นเดอร์ล ระบุ
แม้ปัจจุบัน วินโดว์สจะยังครองส่วนแบ่งตลาดระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์มากถึง 90% แต่ก็มีสัญญาณว่าระบบปฏิบัติการคู่แข่งของแอปเปิลก็กำลังตีตื้นขึ้นมา โดยมีส่วนแบ่งในตลาดเริ่มขยายตัวขึ้นมากกว่า 5% แล้วในปัจจุบัน ขณะเดียวกัน ยังถูกกูเกิลตามประกบมาติดๆ ในการนำเสนอซอฟต์แวร์งานออฟฟิศแบบออนไลน์ให้ใช้ได้ฟรีๆ แข่งกับโปรแกรมออฟฟิศและโปรแกรมงานด้านอื่นๆ ของไมโครซอฟท์
นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ ยังล้มเหลวกับแผนที่ขยายเครือข่ายธุรกิจเข้าสู่ตลาดบริการค้นหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตและโฆษณาออนไลน์แข่งกับกูเกิล เมื่อไม่สามารถปิดดีลที่จะซื้อธุรกิจของยาฮูในมูลค่าเกือบ 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเร็วๆ นี้ได้ กรณีดังกล่าวในมุมมองของนายเอ็นเดอร์ล เห็นว่า นายเกตส์เองอาจไม่ได้มีความพยายามที่จะเข้าไปซื้อยาฮูเลยตั้งแต่ต้น และก็อาจเป็นไปได้ว่านายเกตส์ ในฐานะสมาชิกของคณะกรรมการบริหารของไมโครซอฟท์หนุนให้ถอนตัวออกจากข้อเสนอซื้อยาฮูด้วยซ้ำไป
เท่ากับต่อแต่นี้ไป ไมโครซอฟท์ก็ต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของตนเองในการนำพาธุรกิจให้ก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้โรยกลีบกุหลาบเหมือนเช่นสมัยที่นายบิลล์ เกตส์ยังมีบทบาทอยู่อีกต่อไปแล้ว

นำมาจากเวป http://www.thannews.th.com/detialnews.php?id=M3123341&issue=2334

ฉบับที่ 2334 26 มิ.ย. - 28 มิ.ย. 2551